สรุปบางส่วนจากการประชุม AGM หุ้น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH)
ปี 2557 เปิด 22 โครงการ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 7 โครงการ ปิดโครงการไป 9 โครงการ สรุปสิ้นปี 2557 คงเหลือ 62 โครงการ
ปี
2557 มีโครงการคอนโด 7 โครงการ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ
1 โครงการ จะรับรู้รายได้ปี 2560
และต่างจังหวัด 6 โครงการ
จะรับรู้รายได้ช่วงปี 2558 - 2559
ปี 2557 ซื้อที่ดินสำหรับทำโครงการบ้าน 20 แปลง ทำคอนโด 7 แปลง และมัดจำที่ดินอีก 7 แปลง ภายใต้เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 90% เฉพาะบริเวณสุขุมวิท ซอย 6 แปลงเดียว 2,400 ล้านบาท และต่างจังหวัด 10%
ทำเลในการซื้อที่ดิน หากเป็นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเน้นทำเลที่คมนาคมสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าจะทำคอนโด
ห่างออกมาหน่อยจะทำทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว ถ้าทำเลห่างอออกมาจะเน้นถนนที่มี feeder
เข้ารถไฟฟ้าได้
ส่วนต่างจังหวัดจะเน้นจังหวัดที่มี GDP สูง หรือมีนิคมอุตสาหกรรมหรือการท่องเที่ยว โครงการที่เปิดในต่างจังหวัดจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก เน้นลูกค้าเป็นกลุ่มคนทำงานไม่ใช่นักท่องเที่ยว
ต้นทุนทางการเงินของบริษัทในภาพรวมน้อยกว่า
4%
3
ปีที่ผ่านมาการปรับขึ้นของราคาอสังหา โครงการบ้านเฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี
โครงการคอนโดที่ราคาต่ำเฉลี่ย 3% ต่อปีเช่นกัน ส่วนคอนโดที่ราคาสูงเฉลี่ยประมาณ 8 -
10% ต่อปี
ยอดขายจริงในปี
2557 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2556 (แต่ดูในงบรายได้รวมจะเพิ่มขึ้น)
เนื่องจากการเปิดคอนโดลดลงจากปี 2556
โครงการใหม่ที่จะเปิดในปี
2558 มีประมาณ 30 โครงการ
โครงการฮาร์เบอร์วิวในเวียดนามซึ่งเข้าไปลงทุนประมาณ
20 กว่าปี โครงการนี้ขาดทุนมาตลอด ตอนนี้ตั้งสำรองครบแล้ว ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือ
ไปลงทุนทำโรงแรมที่เมืองไฮฟอง
ตอนนั้นคาดว่าการท่องเที่ยวเวียดนามจะดี
แต่พอเวลาผ่านไปเมืองไฮฟองกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว กำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับโครงการนี้
ผู้บริหาร
QH
มองทิศทางอสังหาปี 2558
ว่า GDP จะเติบโต
3% (ตามที่ภาครัฐตั้งไว้) คงเป็นไปไม่ได้ ปีนี้บริษัทจะลงทุนอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ปรับตัวตามสถานการณ์ ยังดีที่โครงการส่วนใหญ่ของบริษัท 75% เป็นโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย
สามารถประเมินกำลังซื้อเป็นระยะๆ ได้
ถ้าเป็นคอนโดส่วนใหญ่กว่าจะสร้างเสร็จจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยต่ำประกอบกับราคาน้ำมันลดลงจะช่วยต่อรองราคาค่าก่อสร้างลงได้ประมาณ
1 - 2%
เป้าหมายการเติบโตปีนี้ประมาณ 10 - 15% บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงไปหลายกลุ่ม ตั้งแต่บ้านราคา 140 ล้านบาท ลงมาถึง 2 ล้านบาท
บริษัทไม่เน้นแข่งขันด้านราคาแต่จะแข่งด้านคุณภาพและ
Innovation ตอนนี้พยายามปรับแบรนด์ให้ดูกระฉับกระเฉงเพื่อเข้าไปหากลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลง
โครงการไฮเอนด์ เป็นโครงการสำหรับสร้างแบรนด์อิมเมจ ระดับราคามากกว่า 100 ล้านบาท ปีที่แล้วขายได้ 1 หลัง
ทำเลบริเวณถนนราชพฤกษ์ เป็นทำเลที่ดีมาก อนาคตไกล
การคมนาคมสะดวกทั้งทางรถยนต์
รถไฟฟ้า มีโครงการรถไฟฟ้าผ่านถึง 4
สาย
บทความที่เกี่ยวข้องกัน
QH OppDay 3Q2015
บทความที่เกี่ยวข้องกัน
QH OppDay 3Q2015
No comments:
Post a Comment