จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นจาก 6 สตางค์ / ไตรมาส เป็น 7 สตางค์ ตั้งเป้าจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกไตรมาสจะพยายามรักษาระดับการจ่ายปันผลนี้ไว้และพยายามให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
ปี 2558 ผิดจากที่คาดหวังที่ว่าจะมียอดขาย 1,300 - 1,400 ล้านบาทเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ธุรกิจเครื่องสำอางยังมีอัตราการเติบโตจึงทำให้บริษัทสามารถรักษาการเติบโตได้เกือบ 20%
ใช้กระแสเงินสดลงทุนในด้านอื่นๆ บ้าง ซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น ลงทุนในหลักทรัพย์ที่ราคาต่ำๆ
ตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดี การขายทุกช่องทางเติบโตขึ้นยกเว้น KAMART SHOP แต่ Idol ของ KAMART เป็นในแบบบริษัทเครื่องสำอางระดับโลก
ทีมงานคาดหวังยอดขายปี 2559 ที่ 1,600 ล้านบาท โดยประเมินจากสินค้าที่ขายและช่องทางการจัดจำหน่าย แต่ประธานบริษัทคาดหวังยอดขายประมาณ 1,400 ล้านบาท
จะรักษา Gross Margin ให้ได้ในระดับนี้ต่อเนื่อง เชื่อว่าสามารถรักษาระดับปันผลไว้ได้
ไตรมาส 1 ยังคงพอใจในผลการดำเนินงาน
แบรนด์แต่ละแบรนด์จะมีโครงสร้างเฉพาะสำหรับแต่ละ Segment
แบรนด์รื่นรมย์ เจจูวิต้า ยังไม่อยู่ในการคำนวณรายได้หลักเนื่องจากยังมีสัดส่วนน้อย ไม่ใช่แบรนด์หลักของ KAMART
ตลาดส่งออก ไปแล้ว 10 ประเทศ การเติบโตจากต่างประเทศตั้งเป้า 200% เพราะช่วงต้นการไต่ยอดขายไม่ยาก ปี 2559 ไปเพิ่ม 2 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย มาเลเซียเข้า Modern Trade ช่วงปลายปี 2558
เวียดนามจัดตั้งบริษัท Marketing อัตราการเติบโตดีแต่ไม่เท่าฟิลิปปินส์ คาดว่าในอีก 5 ปี เวียดนามจะเติบโตอย่างรวดเร็ว
วิธีการทำตลาดแต่ละประเทศแตกต่างกัน สินค้าที่เข้าไปแตกต่างกัน
จีน สินค้าจะเข้าไปทางนักท่องเที่ยวมากขึ้น
ตั้งเป้าบุกอาเซียนภายในปี 2020 เน้นแคธีดอล เดือนพฤษภาคมเปิดตัวที่ฟิลิปปินส์
สัดส่วนการขายมาจาก Traditional Trade 40% Modern Trade 40% ส่งออก 7 - 9% ที่เหลืออื่นๆ
ตลาดต่างประเทศเน้นเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน เพราะมีประชากรมาก ประชากรอายุน้อยเยอะ เน้นประเทศที่มีภูมิอากาศ รสนิยม สีผิว ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย
ธุรกิจเฟรนไชส์ของ KAMART แข่งขันยาก ปัจจุบันช่วย Subsidize สินค้าหลายชิ้น KAMART มุ่งเน้นในแนวทางของแบรนด์ระดับโลกมากกว่าการเปิด Shop เอง
ค่าใช้จ่ายการตลาดอยู่ประมาณ 7 - 10% ของยอดขาย พยายามควบคุมให้อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์ใหญ่ๆ
แบรนด์รื่นรมย์ ตั้ง Position คล้ายๆ OTOP แต่งตัววัยรุ่น กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว
โรงงานที่ KAMART ทำเป็นเพียงการแบ่งบรรจุ และทำไม่ถึง 1 ใน 3 ของปริมาณทั้งหมด
กำลังขายธุรกิจ My Bus ออก ธุรกิจเก่าน่าจะหมดแล้ว
ทุกวันนี้ซื้อสินค้านำเข้ามาเป็นเงินสดทำให้ซื้อได้ราคาถูก ตัวเลขเจ้าหนี้การค้าจึงน้อย
บทความที่เกี่ยวข้องกัน
KAMART AGM Y2015
CPALL AGM Y2016
MAKRO AGM Y2016
No comments:
Post a Comment