ปีนี้เป็นปีที่พอร์ตหุ้นของผมมีการปรับเปลี่ยนมากที่สุดในรอบ 3 ปี ทั้งที่ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นผมแทบจะไม่ค่อยได้ยุ่งกับพอร์ตสักเท่าไร ก่อนนี้มากกว่า 95% ของมูลค่าพอร์ตรวมของผมเป็นหุ้นเพียงตัวเดียว ซึ่งผลตอบแทนในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
เหตุที่ได้ขายหุ้นต้วนี้ออกไป (ทั้งๆ ที่ผมได้ซื้อมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการลงทุน หากรวมระยะเวลาตั้งแต่ซื้อหุ้นตัวนี้ครั้งแรกก็เกือบ 5 ปีเห็นจะได้) ก็เพราะคิดว่าสภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปมาก จากบริษัทที่เคยเป็นผู้นำกลับไม่ค่อยเหลือจุดเด่นในการแข่งขันปัจจุบันเท่าไรนัก ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะไม่เอื้ออำนวยให้บริษัทเติบโตต่อไปได้มาก
การปรับพอร์ตในสภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงซบเซา หุ้นที่ปรับเปลี่ยนเข้ามาจึงเป็นหุ้นที่ผมคิดว่าเป็นผู้นำสำหรับอุตสาหกรรมนั้นๆ และค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถผ่านสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ในฐานะผู้ชนะต่อไปได้ ไม่ถือหุ้นตัวเดียวเหมือนก่อนหน้า กระจายไป 4-5 ตัว แล้วก็ยังกระจายอีกส่วนหนึ่งออกไปซื้อหุ้นต่างประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของประเทศอีกทางหนึ่ง
ส่วนของหุ้นต่างประเทศ ผมเลือกเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ด้วยความน่าสนใจในหลายๆ ด้าน ทั้ง P/E P/BV ที่ค่อนข้างต่ำ จ่ายปันผลในระดับเฉลี่ยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นไทย อีกทั้งโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจ แต่ก็ยังติดปัญหาตรงที่รายงานต่างๆ ทั้งรายงานผลประกอบการ รายงานการประชุม รวมถึงหน้าเว็บไซต์ของบริษัทส่วนใหญ่เขียนเป็นภาษาเวียดนาม ทำให้การติดตามหรือทำความเข้าใจบริษัทยังมีข้อจำกัดพอสมควร
No comments:
Post a Comment